ทาน ..คะน้า.. องุ่น.. แอปเปิ้ล.. อย่างไรให้ได้ประโยชน์





                 ผักและผลไม้นานาชนิดที่วางขายกันอยู่ตามท้องตลาดนั้น ล้วนมีคุณประโยชน์มากมายบรรยายไม่หมด แต่ถ้ารับประทานไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้ไม่ได้คุณประโยชน์อย่างเต็มที่ เรามีตัวอย่างการทานอาหารให้ได้ประโยชน์สูงสุดมาฝาก


          "ผักคะน้า" ซึ่งให้ผลผลิตในทุกฤดูกาลและนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด ที่สำคัญคะน้าเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี แคโรทีนอยด์ และโฟเลต นอกจากนี้ยังมี "ลูทีน" ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในเลนส์ตา การทานอาหารหรือพืชผักที่มีสารลูทีนสูงเช่นคะน้า จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกลงได้ถึง 20% นอกจากนี้การทานคะน้าเป็นประจำ ยังช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ปอด และเต้านมอีกด้วย ผัดผักคะน้า ต้มจับฉ่าย ยำก้านคะน้า จึงเป็นเมนูที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักสุขภาพ

        ทาน "แอปเปิ้ล" ช่วยให้ปอดแข็งแรงได้ด้วย ไม่ว่าจะแอปเปิ้ลเขียวหรือแอปเปิ้ลแดงก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ "เคอร์ซีทิน" ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล   
         นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย การทานแอปเปิ้ลให้ได้สารเคอร์ซีทินมากที่สุดก็คือ ต้องทานผลสดทั้งเปลือก ซึ่งจะได้รับสาร "เพกทิน" จากเปลือกแอปเปิ้ลเป็นของแถมที่ดี เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย

         "องุ่น" มีธาตุแมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม และเบตาแคโรทีนที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย การทานองุ่นถ้าจะให้ดีต้องเคี้ยวเมล็ดองุ่นด้วย เพราะในเมล็ดองุ่นมีสาร "โอพีซี" (Oligomeric Proanthocyanidin Complexes) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า องุ่นจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาสุขภาพจากภายใน บำรุงผิวพรรณช่วยชะลอความชรา และเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง แถมยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับจอประสาทตาอีกด้วย

               ต่อไปนี้การเลือกรับประทานอาหารในแต่ละมื้อจะมองที่ประโยชน์อย่างเดียวไม่ได้แล้ว แต่ต้องคำนึงถึงวิธีการทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่แก่ร่างกายของเราด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริงและยั่งยืน



ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ