ตอนนี้คนไทยส่วนใหญ่กำลังประสบปัญหาอ้วนลงพุง คือ ผู้ชายเกิน 90 เซนติเมตร ผู้หญิงเกิน 80 เซนติเมตร
ซึ่งคนที่อ้วนลงพุงจะมีไขมันสะสมในช่องท้องปริมาณมาก
ยิ่งรอบพุงมากเท่าไหร่ไขมันยิ่งสะสมในช่องท้องมากเท่านั้น
ไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ
มีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนไม่อ้วนหรือคนไม่มีพุงประมาณ 3 เท่าตัว
และเมื่อเป็นเบาหวานแล้วจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดที่หัวใจและที่สมองขึ้นอีกประมาณ
3 เท่าตัว
ดังนั้นใครที่ยิ่งพุงใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสเสียชีวิตเร็วขึ้น
ในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวออกแรงและออกกำลังกาย
และวางแผนปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหาร โดยกินผักให้มากขึ้น ลดการกินอาหารหวานจัด
เค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูง ในการออกกำลังกายเพื่อลดไขมันในช่องท้อง
ควรออกกำลังกายชนิดที่ชื่นชอบ สัปดาห์ละ 3
วันๆ ละไม่น้อยกว่า 30 นาที
จะช่วยควบคุมน้ำหนักให้คงเดิม
ส่วนผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 45 นาที
โดยมีการออกกำลังกายแบบเพิ่มแรงต้านด้วย เช่น การยกน้ำหนัก
ทำให้ขนาดกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น เกิดการเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
น้ำหนักที่ลดลงไปก็จะลดไขมันที่มีอยู่ด้วย สำหรับกลุ่มอายุ 40-50 ปี ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ วิธีลดน้ำหนักที่ให้ผลดีคือ
การเดินเร็วอย่างต่อเนื่องซึ่งสามารถทำได้ง่ายมาก โดยหากเดินเร็วเพียงวันละ 1
ชั่วโมงจะลดโอกาสการเกิดโรคอ้วนได้ร้อยละ 24
ที่มา
เดลินิวส์